วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 10 ถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

จดหมายเปิดผนึก
สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ฉบับที่ 10/2557
วันที่ 18 กรกฎาคม 2557
เรื่อง ขอให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งให้ยิ่งลักษณ์เดินทางออกประเทศด้วยเหตุผล8 ข้อ
เรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บริหารระบอบเผด็จการรัฐสภา ทำลายความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน ทุจริตคอร์รัปชั่นช่อราษฎร์บังหลวงอย่างอย่างมโหฬาร ได้เดินทางไปต่างประเทศ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2557 นั้น และต่อมา ปปช.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กระทำการทุจริตทุกขั้นตอนในนโยบายรับจำนำข้าวจากชาวนาเสียกว่า 500,000 ล้านบาท และชาวนาผูกคอตายเป็นจำนวนมากนับสิบๆราย ตลาดข้าวไทยมีมาหลายร้อยปีทั่วโลกพังพินาศ ซึ่งผิดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และผิดต่อกฎหมาย ปปช. และผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีคดีความอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ และที่สำคัญยังได้ปรากฏว่ามีบุคคลที่ร่วมอยู่ในอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้หนีออกนอกประเทศทำการเคลื่อนไหวตั้งขบวนการเสรีไทย และกำลังจะพัฒนาเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น(Government in exile) ร่วมกันต่างชาติเข้าต่อสู้ทำลายความมั่นคงของชาติและต่อสู้โค่นล้มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อันเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน
สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ ได้เรียกร้องให้กองทัพแห่งชาติเข้าแก้ไขปัญหาชาติและประชาชน รักษาความมั่นคงของชาติและความปรอดภัยของประชาชน โดยการยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เมื่อเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา และกองทัพแห่งชาติได้จัดตั้ง.. “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” เข้ารวบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อย่างถูกกฎหมายและสันติวิธีแห่งนโยบาย 66/23 ที่เป็นนโยบายแห่งรัฐ(State Policy) ตามกฎอัยการศึก(Martial Law)และกฎหมายสูงสุด(Supreme Law)อันเป็นไปตามหลักการปกครองโดยกฎหมายหรือนิติรัฐ(Rule by Law)ที่ตั้งอยู่บนหลักนิติธรรม(Rule of Law)ที่ว่า.. “ความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นกฎหมายสูงสุด” ไม่ใช่การรัฐประหารที่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลด้วยความรุนแรงและผิดกฎหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้น สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ ได้เข้าสนับสนุนและส่งเสริมคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติตลอดมาตั้งแต่ต้น ดังเช่น จดหมายเปิดผนึกตั้งแต่ฉบับที่ 1/2557 ถึง ฉบับที่ 9/2557 ตามที่แนบมาพร้อมกันนี้
ดังนั้น สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ จึงขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการ.. “ยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางออกนอกประเทศโดยทันทีให้ทันต่อสถานการณ์” ดังเหตุผลทางกฎหมายและทางการเมืองต่อไปนี้
1. ได้ประจักษ์ชัดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่น้อยว่า ผู้ร่วมคณะรัฐบาลและร่วมพรรคเพื่อไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์ และพี่ชาย(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และผู้ที่สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้หนีไปเคลื่อนไหวต่อสู้ในต่างประเทศ เช่น ขบวนการเสรีไทย 2 และรัฐบาลผลัดถิ่น ดังนั้น การเดินทางออกนอกประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางไปเข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคพวกดังกล่าวอย่างแน่นอน ไม่ใช่เดินทางไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวตามเหตุผลที่ยกขึ้นมาบังหน้าหลอกหลวงตบตา คสช. แต่อย่างใดทั้งสิ้น การไปครั้งนี้จึงเป็นการเมือง ไม่ใช่เป็นการพักผ่อนท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปแล้วกลับไทยหรือไม่กลับไทยก็ตาม.....คสช. ก็ไม่สามารถจะไปห้ามนางสาวยิ่งลักษณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่ออยู่ในต่างประเทศได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฝรั่งเศสและอเมริกาล้วนแต่สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ และต่อต้าน คสช. รุกรานแทรกแซงครอบงำประเทศไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาระบอบเผด็จการรัฐสภา ตลอดมาอยู่แล้ว
2. เดินทางไปเข้าร่วมกันต่างชาติประเทศที่ต่อต้าน คสช.และแทรกแซงครอบงำรุกรานประเทศไทย เช่น ประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ตามยุทธศาสตร์โลกปิดล้อมประเทศ อดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นหุ้นเชิดหรือเป็นสมุนของต่างชาติประเทศจักรพรรดินิยมและนักล่าเมืองขึ้นเหล่านี้อยู่ จะเข้าแผนของต่างชาติที่จะใช้นางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นตัวโจกเก้อร์(Joker)หรือเป็นหุ่นเชิด(Puppet)สำคัญเป็นเงื่อนไขรุกทางการเมือง(Political Offensive)ต่อสู้เอาชนะ คสช.และประเทศไทย ดังเช่น ดาไลลามะ ฯลฯ เพราะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นล้มโดย คสช. คนอื่นๆ ยังไม่มีเงื่อนไขหรือไม่มีเหตุผลเพียงพอ ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นเจ้าตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ารัฐบาลผลัดถิ่น หรือขบวนการเสรีไทย 2 ประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นแบบของการปฏิวัติรุนแรงล้มล้างพระมหากษัตริย์(Great French Revolution 1789) และเป็นนักล่าอาณานิคมต่อประเทศไทยโดยเฉพาะดินแดนมณฑลบูรพา 4 จังหวัด คือ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดนครจำปาศักดิ์ จังหวัดลานช้าง เนื้อที่ 69,029 ตารางกิโลเมตร ตามสัญญารุกรานหรือสัญญาเมืองขึ้นหรือสัญญาทาส คือ “สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 – 1907” ที่กัมพูชาได้สืบทอดมรดกเอามารุกรานยึดครองแผ่นดินไทยและปราสาทพระวิหารเช่นในปัจจุบันนี้ ทำให้ไทยพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศสและต่อกัมพูชาซ้ำซากตลอดมาไม่รู้จบ อันเกิดจากกรณีฝรั่งเศสรุกรานแผ่นดินเขมรในและลาวฝั่งขวาของไทยเมื่อ ร.ศ. 112(พ.ศ. 2436) ในสมัย ร.5 และ กรณีฝรั่งเศสสมคบกับอเมริการุกรานยึดครองมณฑลบูรพา 4 จังหวัดของไทยโดย.. “ข้อตกลงวอชิงตัน”(Washington Accord) ค.ศ. 1946(พ.ศ. 2489)ในสมัยรัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์ที่โค่นล้มพระมหากษัตริย์และยกแผ่นดินให้ต่างชาติฝรั่งเศส และประเทศสหรัฐอเมริกาที่เข้าแทรกแซงครอบงำประเทศไทยมายาวนานที่ต้องการจะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นการปกครองแบบประธานาธิบดี ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ(Head of State)…..คสช.ก็ไม่สามารถจะไปห้ามนางสาวยิ่งลักษณ์ที่อยู่ต่างประเทศไม่ให้เคลื่อนไหวการเมืองดังกล่าวได้แม้แต่น้อย และ คสช.ก็ไม่สามารถจะไปห้ามประเทศฝรั่งเศสหรือประเทศอเมริกาเชิดหรือใช้นางสาวยิ่งลักษณ์มาเป็นเงื่อนไขเหตุปัจจัยเคลื่อนไหวทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทำลาย คสช. และทำลายภารกิจกอบกู้เอกราชอธิปไตยให้สมบูรณ์ของไทย และทำลายการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงของไทย
3. คอมมิวนิสต์ไทยได้เข้าทำแนวร่วม 2 ระดับ ทั้งแนวร่วมแห่งชาติ(National United Front) กับแนวร่วมระหว่างประเทศ(International United Front) คือ...
3.1) คอมมิวนิสต์ทำแนวร่วมแห่งชาติ(National United Front)กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ทำการรักษาการปกครองระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้...เพื่อทำให้เกิดความวิบัติหายนะล่มจมแก่ชาติและทำให้เกิดความอดอยากยากจนข้นแค้นแสนสาหัส(คับแค้นทางจิตใจ ยากไร้ทางวัตถุ) นำไปสู่การก่อม็อบ การก่อจลาจล การก่อสภาวะอนาธิปไตยไร้ขื่อแป การก่อมิคสัญญีกลียุค และเพื่อยกระดับขึ้นสู่สงครามกองโจร และสงครามกลางเมือง ไปสู่สงครามประชาชน(People s’ War)ยึดประเทศไทยในที่สุด ที่คอมมิวนิสต์ยังดำรงอยู่และเคลื่อนไหวได้เพราะเรายังไม่ชนะเด็ดขาดเบ็ดเสร็จสิ้นเชิงตามนโยบาย 66/23 ขั้นตอนที่ 2 คือ สร้างประชาธิปไตยระดับสูง (ยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง) คอมมิวนิสต์จึงสามารถใช้ระบอบเผด็จการรัฐสภามาเป็นแนวร่วม ให้เกิดเงื่อนไขในการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ให้บรรลุความสำเร็จต่อไป เพราะกองทัพแห่งชาติมีชัยชนะในขั้นตอนที่ 1 คือ ชนะสงคราม แต่ยังไม่มีชัยชนะในขั้นตอนที่ 2 คือ ชนะคอมมิวนิสต์ ยังเหลือแก้วอีก 2 ดวง คือ พรรคและแนวร่วมที่ทำการเคลื่อนไหวอยู่จึงมองไม่เห็นชัดเจน และเข้าใจผิดว่าคอมมิวนิสต์หมดไปแล้วเพราะไม่เห็นรูปที่ชัดเจนคือ.. “สงคราม..หรือ..กองทัพแดง” อันเป็นแก้วดวงที่ 3 “พรรค..คือ..แนวความคิด” และ “แนวร่วม..คือ..เผด็จการรัฐสภา” และ “สงคราม..คือ..กองทัพแดง”
3.2) คอมมิวนิสต์ทำแนวร่วมระหว่างชาติ(International United Front) กับประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งเป็นประเทศทุนนิยมแม่...ในรูปของ.. “ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ” ที่พัฒนามาจาก.. “ชนบทล้อมเมือง” ให้ช่วยรัฐบาล พรรค ม็อบของระบอบเผด็จการรัฐสภาที่หลอกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น...โดยคอมมิวนิสต์ทำแนวร่วมและขับเคลื่อนรัฐบาล พรรค ม็อบ ทำทีไปขึ้นต่อต่างชาติและให้ประโยชน์ต่างชาติอย่างจุใจ ตามชาติจึงตกเป็นเครื่องมือหรือตกเป็นแนวร่วมช่วยให้คอมมิวนิสต์ไทยมีชัยชนะต่อกองทัพแห่งชาติ และ คสช. ดังเช่นที่กำลังโดดเดี่ยว(Isolation) คสช.ออกจากประชาคมโลก และช่วยเหลืออดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ช่วยพรรคเพื่อไทย ช่วยม็อบเสื้อแดง ทำการเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ และคอมมิวนิสต์เข้าทำแนวร่วมกับ คสช. วางแผนหลอกลวงตบตา คสช.เพื่อปล่อยนางสาวยิ่งลักษณ์ออกไปนอกประเทศไทย และทำแนวร่วมกับต่างชาติให้สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ และเชิดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองระหว่างประเทศ(International Politic) หรือเล่นการเมืองโลกทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทำลาย คสช. ซึ่งก็กำลังเป็นไปตามแผนของคอมมิวนิสต์ทุกประการอยู่ในขณะนี้ โดยไม่รู้ตัว หลังจากแผนทำลาย คสช.ด้วยลัทธิรัฐธรรมนูญ โดยการทำแนวร่วมกับเนติบริกรให้ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวทำลาย คสช. ตัดและบั่นทอนลิดรอนอำนาจ คสช. และขัดขวางไม่ให้ คสช.สามารถยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตยสำเร็จได้ รักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้ และเลือกตั้งแบบเผด็จการ เพื่อให้ระบอบเผด็จการรัฐสภากลับมาใหม่ ทำลาย คสช.ให้พังไป ดังเช่น รสช. และ คมช.ที่ถูกทำลายให้พังมาแล้วในอดีตอันเป็นการทำลายกองทัพแห่งชาติ นั่นเอง คือ “บันได 3 ขั้นในการทำลาย”..นั่นคือ “จาก...ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวตัดอำนาจและไม่ให้มีขั้นตอนการสร้างประชาธิปไตยโดยนโยบาย...สู่...ตั้ง สนช.และ สภาร่างรัฐธรรมนูญหรือสภาปฏิรูปเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร...ไปสู่...เลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐสภาปฏิรูป”.... แต่โชคดีที่ คสช.รู้ทันหยุดรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เป็นแผนทำลายของคอมมิวนิสต์และเผด็จการรัฐสภาไว้ได้เสียก่อน จงไม่ตกเป็นแนวร่วมและเป็นเหยื่อเป็นเครื่องมือ และแผน 2 ของคอมมิวนิสต์และเผด็จการรัฐสภาและต่างชาติคือ... “หลอกหรือตบตา คสช.ให้ปล่อยนางสาวยิ่งลักษณ์ไปหาพรรคพวกและต่างชาติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือใช้เป็นเงื่อนไขเชิดตามแผนทางการเมืองให้ฝ่ายตนได้เปรียบได้ประโยชน์ได้แสดงบทบาทต่อไป”....นี่ก็เป็น.. “เส้นยาแดงผ่าแปด” หรือ “รั้งม้าที่หน้าผา” หรือ “เตือนก่อนตาย” นั่นเอง
4. นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่ถูกเชิดถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือของคอมมิวนิสต์ ของต่างชาติ ของเผด็จการรัฐสภา ในการทำลายชาติ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายกองทัพแห่งชาติ ทำลายการสร้างประชาธิปไตย รักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาแล้วดังเช่นคำขวัญที่พวกคอมมิวนิสต์คิดให้คือ.. “ยอมตายค่าสนามรบประชาธิปไตย” เป็นต้น นางสาวยิ่งลักษณ์ยังต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายอย่างมหาศาลต่อชาติและต่อประชาชน ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงและคอร์รัปชั่นช่อราษฎร์บังหลวงอย่างมหาวินาศไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย คสช. จะต้อง.. “ไม่สุ่มเสี่ยง” และ “เพลี่ยงพร้ำ” และ “ต้องกุมสถานการณ์ไว้ให้ได้” หรือ “ต้องปลอดภัยไว้ก่อน” ต้องไม่ปล่อยให้จำเลยหรือคนร้ายหรือมหาโจรหนีไปได้อย่างเด็ดขาด เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ตกเป็นจำเลยของชาติของประชาชน ที่ คสช.จะต้องรับผิดชอบต่อชาติและต่อประชาชน ประชาชนและประเทศชาติไม่ต้องการให้ปล่อยนางสาวยิ่งลักษณ์ไป เหมือนที่ปล่อย พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอีก ที่ไม่สามารถจับกุมตัวได้จนกระทั่งบัดนี้ และไปสร้างปัญหามากมายเลวร้ายให้แก่ชาติและให้แก่ประชาชนจน คสช.โดยกองทัพแห่งชาติจะต้องออกมาแก้ปัญหาอยู่ในขณะนี้ และถ้า คสช.ปล่อยน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ(ยิ่งลักษณ์)ให้ไปพบทักษิณและพรรคพวกสมคบคิดกันอีกในต่างประเทศที่เขาพร้อมร่วมมือกันต่อสู้กับประเทศไทย ต่อสู้กับ คสช.อยู่แล้ว ขอเพียงให้ได้ตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ไปเท่านั้น แผนการของเขาก็จะครบถ้วนสมบูรณ์เริ่มต้นขึ้นทันที ดังนั้น คสช.จะปล่อยตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะนี่เป็น... “ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน”...ไม่ใช่.. “ปัญหาบุคคล” แต่อย่างใดทั้งสิ้น ฉะนั้น ปัญหาของ คสช.กับนางสาวยิ่งลักษณ์คือปัญหาของชาติและปัญหาของประชาชน หรือเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เป็นผลประโยชน์ของชาติและเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน ซึ่งเป็นเหตุผลสูงสุดและสำคัญที่สุด ส่วนเหตุผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ไปพักผ่อนพาลูกชายไปเที่ยวหรือไปร่วมงานวันเกิดพี่ชายที่ฝรั่งเศส....นี้ไม่ใช้เหตุผลที่จะหักล้างหรือสำคัญกว่าหรือสูงกว่าเหตุผลของชาติและของประชาชน หรือเหตุผลของบ้านเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น คสช.ต้องรับผิดชองต่อชาติและประชาชน และนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องรับผิดชอบต่อชาติและประชาชน เรื่องส่วนตัว หรือผลประโยชน์ส่วนตัวจะมาเหนือกว่าหรือสำคัญกว่าเรื่องชาติได้อย่างไร...??? คสช.เข้ามาก็เพื่อชาติ นางสาวยิ่งลักษณ์เข้ามาก็เพื่อชาติ ไม่มีใครเข้ามาเป็น คสช.หรือมาเป็นรัฐบาลเพื่อส่วนตัวสักคน ดังนั้น คสช.มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน รับผิดชอบสูงสุดในแผ่นดิน จะให้นางสาวยิ่งลักษณ์ไปนอกเพื่อไปร่วมกับพรรคพวกและต่างชาติเคลื่อนไหวทำลายชาติ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำผลประโยชน์ของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนคนทั้งประเทศได้อย่างไร หรือ คสช.จะปล่อยให้นางสาวยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ หนีความรับผิดชอบ หนีคดีความ หนีอาญาแผ่นดิน ไปได้อย่างไร เพราะข้อเท็จจริงก็เห็นเป็นประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า...
- ทักษิณ และพรรคพวกร่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็หนีคดีความออกนอกประเทศจริงๆอยู่แล้ว
- ทักษิณ และพรรคพวกร่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็หนีไปร่วมกันเคลื่อนไหวต่อสู้ทำลายชาติ ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายกองทัพแห่งชาติ ทำลายการสร้างประชาธิปไตยร่วมกันต่างชาติและคอมมิวนิสต์อยู่จริงๆแล้ว
ดังนั้น คสช.จะประมาท หรือสุ่มเสี่ยงไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะมันได้เกิดข้อเท็จจริง(Fact)ให้เห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่แล้ว ว่าเขาออกนอกประเทศไปเคลื่อนไวต่อสู้ทำลายชาติ และเขาออกนอกประเทศเพื่อหนีคดีความ หนีความรับผิดชอบ เพราะเขาเป็นพวกเดียวกัน เขาเป็นพรรคเดียวกัน และเขาเป็นพี่น้องกัน ที่สำคัญเขามีวิธีคิดมีจุดยืนอันเดียวกัน รับใช้ต่างชาติเช่นเดียวกัน
5. ไม่มีหลักประกันใดเลยที่จะรับประกันได้ว่า... “ถ้าปล่อยยิ่งลักษณ์ออกไปแล้ว...ยิ่งลักษณ์จะไม่เข้าร่วมกับพี่ชาย จะไม่เข้าร่วมกับพรรคพวก จะไม่เข้าร่วมกับต่างชาติ จะไม่เข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหวทางการเมืองทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทำการสร้างประชาธิปไตยของไทย ทำลายเอกราชอธิปไตยไทย”....
และไม่มีหลักประกันใดเลยที่จะรับประกันได้ว่า... “ถ้าปล่อยยิ่งลักษณ์ออกไปแล้ว...ยิ่งลักษณ์จะไม่หนีคดีความ หนีความรับผิดชอง หนีอาญาแผ่นดิน เช่นเดียวกับพี่ชายและพรรคพวกของตนที่หนีให้เห็นเป็นแบบอย่างตำตาอยู่แล้ว” และเงื่อนไขเหตุปัจจัยทั้งปวงทั้งในและนอกประเทศก็เห็นอยู่ชัดเจนว่าเขาจะต้องหนีออกนอกประเทศ และเขาจะต้องไปร่วมกับพี่ชายและพรรคพวกของเขาและร่วมกับต่างชาติทำการเคลื่อนไหวทางการเมืองทำลายชาติและทำลายสถาบัน ฯลฯ อย่างแน่นอนเต็ม 100% เหตุผลที่ คสช.ยกขึ้นมาประกันว่านางสาวยิ่งลักษณ์ไม่หนีคือ... “ยิ่งลักษณ์เขาเชื่อฟัง คสช.ว่านอนสอนง่าย ทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่เคยละเมิดหรือขัดขืนมาก่อน...จึงเชื่อได้ว่าเขาจะไม่หนีเขาจะไม่ทำอะไรผิดเหมือนอยู่ภายใต้อำนาจของ คสช.ในประเทศ...เมื่อเขาไปอยู่ในต่างประเทศที่ไม่มีอำนาจ คสช.กดไว้อีกต่อไป...แต่กลับมีอำนาจของต่างชาติที่อยู่ตรงข้าม คสช. และมีอำนาจของพี่ชายและพรรคพวกที่อยู่ตรงข้ามและต่อสู้กับ คสช... มันเป็นคนละเงื่อนไขกันอย่างสิ้นเชิง...คสช.ก็ยังเชื่อว่านางชาวยิ่งลักษณ์จะจงรักภักดียอมศิโรราบต่อ คสช.เหมือนอยู่ในประเทศไทยอยู่ใต้อำนาจ คสช.อย่างนั้นหรือ...???” คสช.มีหลักประกันอะไร...??? เพราะไม่มีเงื่อนไขที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะไม่หนีจะไม่สู้ คสช.เลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่มีเงื่อนก็ต้องมี.. “หลักประกัน” ศาลก็ยังมีหลักประกันตัว เช่น ทรัพย์สินเงินทองก่อนปล่อยตัวชั่วคราว ขนาดมีหลักประกันก็ยังหนีได้ แต่ คสช.ไม่มีหลักประกันจากนางสาวยิ่งลักษณ์เลยแม้แต่บาทเดียว แล้ว คสช.จะรับผิดชอบต่อชาติและต่อประชาชนอย่างไร ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ หรือนางสาวยิ่งลักษณ์นอกจากหนีคดีความแล้ว...ยังหนีไปร่วมต่อสู้กับทักษิณและพรรคพวกและต่างชาติและคอมมิวนิสต์ ณ ต่างประเทศที่เขาวางแผนไว้และรออยู่อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
ดังนั้น หลักประกันที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดและคุมสถานการณ์ได้ที่สุดและรักษาผลประโยชน์ของชาติและรักษาผลประโยชน์ของประชาชนที่สุด...คือ... “ตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของประเทศไทย อยู่ใต้อำนาจของประชาชนไทย อยู่ใต้อำนาจของ คสช.เท่านั้น อย่างอื่นไม่มี” และยังเป็นหลักประกันว่า... “ทักษิณและพรรคพวกและต่างชาติและคอมมิวนิสต์ที่อยู่ต่างประเทศจะไม่สามารถทรยศต่อชาติและต่อประชาชนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้...เพราะมีตัวนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นตัวประกัน” อีกด้วย
6. ก่อนหน้านั้น คสช. ไม่มีเงื่อนไขด้านกฎหมายหรือด้านกระบวนการยุติธรรมว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมีความผิดหรือมีมูลว่ามีความผิดแน่นอน ไม่มีสถาบันใดในกระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินยืนยันหรือตัดสินชี้ชัดว่ามีความผิดในการทุจริตคอร์รัปชั่น คสช.โดยกองทัพแห่งชาติก็ยังยึดอำนาจมาจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เลย แต่นี่ ปปช.ได้ตัดสินชี้มูลความผิดโดยมติเป็นเอกฉันท์(7-0)ว่า... “นางสาวยิ่งลักษณ์มีมูลความผิดทุจริตทุกขั้นตอนเต็ม 100% ในโครงการรับจำนำข้าว” ดังนั้น เงื่อนไขที่ปล่อยตัวนางชาวยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศนั้นยิ่งไม่มียิ่งขึ้นหรือไม่เหลือเลย เพราะ ปปช.เป็นสถาบันในกระบวนการยุติธรรม(Institution of Justice) ซึ่งเชื่อถือได้เพราะสถาบันย่อมถูกต้องเสมอไปและมีกฎหมายรองรับ “ผลการตรวจสอบและการชี้มูลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ดังกล่าวยิ่งเป็นการรับรองย้อนหลังการเข้ายึดอำนาจของ คสช.ให้ขอบธรรมถูกต้องยิ่งขึ้น(Righteousness)” ดังนั้น จึงยิ่งเพิ่มเหตุผลที่ถูกต้องสมบูรณ์ให้แก่ คสช. ว่ามีเงื่อนไขและเหตุผลความชอบธรรมที่จะควบคุมตัวหรือห้ามไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นรับผิดชอบมากที่สุดหรือผู้รับผิดชอบสูงสุดในอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีเจ้าของนโยบายรับจำนำข้าวที่ทุจริตคอร์รัปชั่น ออกนอกประเทศ แม้จะอ้าง.. “หลักนิติธรรม”(Rule of Law) สำหรับสิทธิส่วนบุคคลเอกชนที่ว่า... “ผู้ต้องหาถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน...จนกว่าศาลจะตัดสินถึงที่สุดว่าผิดจึงถือว่าผิดเป็นนักโทษ” แต่หลักนิติธรรมสูงสุดคือ.. “ความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นกฎหมายสูงสุด(Supreme Law)” ซึ่งเหนือกว่าสำคัญกว่ากฎหมายว่าด้วนสิทธิ์ส่วนบุคคลเอกชน การทุจริตคอร์รัปชั่นช่อราษฎรบังหลวงในโครงการรับจำนำข้าวก่อความเสียหายร้ายแรงต่อชาติและประชาชนอย่างมากมายและกว้างขวางลึกซึ้งที่สุด กระทบต่อความมั่งคงแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชนโดยตรง ดังนั้น คสช.ในจึงมีอำนาจควบคุมตัวนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างสมบูรณ์เต็มที่ เพราะ ... “คสช...คือ..ผู้กุมรัฎฐาธิปัตย์สูงสุด” มีอำนาจเหนือกว่าทุกสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล รัฐสภา ศาล ฯลฯ ฉะนั้น คำสั่ง แถลงการณ์ ประกาศ ของ คสช. คือ กฎหมาย คือ ศาล อย่างเป็นไปเอง ถึงอย่างไรก็ตามหลักนิติธรรมได้กำหนดไว้ว่า... “กฎหมายใดถ้าขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมย่อมเป็นโมฆะ” ดังนั้น คำสั่งของ คสช.ที่เป็นตามหลักนิติธรรมย่อมเป็นกฎหมายสูงสุดและย่อมเหนือกว่ากฎหมายทั้งปวงย่อมถูกต้องสมบูรณ์ตลอดไป ส่วนคำสั่งที่ไม่ตั้งอยู่บนหลักนิติธรรมก็ย่อมตกอยู่ในลักษณะไม่มีผลบังคับเช่นเดียวกันอย่างเป็นไปเอง ฉะนั้น คำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ในราชอาณาจักรไทยไม่ให้ออกนอกราชอาณาจักรจึงถูกต้องของธรรมสมบูรณ์ ส่วนคำสั่งที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ออกนอกราชอาณาจักรไทยก็ย่อมตกอยู่ในลักษณะไม่สมบูรณ์หรือขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างเป็นไปเอง คสช.และองค์กรบริหารทั้งสิ้น ก็ถือปฏิบัติคำสั่งที่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม ไม่ถือหรือปฏิบัติคำสั่งที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม เมื่ออยู่ในลักษณะเช่นนี้ คสช.ก็ประกาศยกเลิกคำสั่งที่อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศได้เสีย ปัญหาต่างๆก็ยุติลง คสช.ก็กุมสถานการณ์ประเทศบ้านเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และยังมีเงื่อนไขกุมสถานการณ์ทักษิณ พรรคเพื่อไทย ขบวนการเสรีไทย 2 และม็อบเสื้อแดง และต่างชาติ และคอมมิวนิสต์ ได้ระดับหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะมี.. “นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นตัวประกัน” ไม่ปล่อยตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ทักษิณ ให้พรรคเพื่อไทย ให้ขบวนการเสรีไทย 2 ให้ม็อบเสื้อแดง ให้ต่างชาติ และให้คอมมิวนิสต์กุมสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศได้...และทำให้ คสช.สูญเสียดุลอำนาจ กุมสถานการณ์ไม่ได้
7. ได้เกิดมติมหาชนขึ้นทันทีที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไปทั่วประเทศว่า คสช. มีคำสั่งได้อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ให้เดินทางออกนอกประเทศได้ คือ... “ไม่เห็นด้วยกับ คสช.อย่างยิ่ง” ในสื่อสารมวลชนทุกแขนงโดยเฉพาะในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค(Social Net Work) และยิ่งเกิดมติมหาชนเป็นกระแสรุนแรงสูงขึ้นอย่างมากมายกว้างขวางที่สุด เมื่อ ปปช.ได้อ่านคำพิพากษาชี้มวลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า.. “ผิดทุกขั้นตอน” ทำให้ คสช.เริ่มจะโดดเดี่ยวตัวเองออกจากประชาชนเป็นลำดับๆ แม้ว่า คสช.จะประกาศคำสั่งให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ตาม ก็ไม่อาจจะลดกระแสความไม่เห็นด้วย หรือการต่อต้านคัดค้านไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศได้เลย ประชาชนบางคนเข้าใจผิดไปว่า... “คสช.พยายามเอาการลดภาษีมูลค่าเพิ่มมากลบหรือมาลดกระแสต่อต้านคัดค้าน คำสั่งของ คสช.ที่อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้”
8. ถ้า คสช. ไม่ปล่อยตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ...ก็จะได้รับความสนับสนุนและความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ไม่เปิดเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีทำลาย คสช.ได้....แต่ถ้า คสช.ปล่อยตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ไปต่างประเทศจะโดดเดี่ยวตัวเองออกจาประชาชน(Isolation)...ก็จะเปลี่ยนเงื่อนไขไปเป็นอีกอย่างหนึ่งตรงกันข้ามชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ คือ จะเปิดเงื่อนไขให้มีการโจมตี ครหาวิพากษ์วิจารณ์ หรือเกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดลังเลสงสัยไปต่างๆ นาๆ เช่น อาจจะมองหรือคิดกันไปเองได้ว่า คสช.แพ้ เผด็จการรัฐสภา คสช.แพ้ต่างชาติ คสช.แพ้ทักษิณ หรือถึงขนาดร้ายแรงที่สุดอาจจะมองหรือเข้าใจผิดไปว่า คสช.รู้เห็นเป็นใจกับยิ่งลักษณ์ทักษิณ หรือ ต่างชาติ หรือ คอมมิวนิสต์ หรืออาจจะเข้าใจผิดไปว่า คสช.ได้รับอะไรจากยิ่งลักษณ์หรือทักษิณ เป็นต้น ซึ่งเราก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นโดยเด็ดขาดสิ้นเชิง เราเชื่อว่า คสช.มีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมืองต่อประชาชนคนทั้งประเทศ คสช.มีจุดยืนเพื่อผลประโดยโยชน์ของชาติและประชาชน คสช.บริสุทธิ์สะอาดเสียสละซื่อสัตย์ไว้ใจได้ เชื่อถือได้ น่าเคารพ น่าศรัทธา เป็นต้น เราจึงรีบออกมาบอกแก่ คสช.ให้มองเห็นภัย ให้มองเห็นความผิด เพื่อรักษาปกป้อง คสช.ไว้ไม่ให้เสียหาย ไม่ให้ถูกทำลายอย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง “มิตรแท้คือมิตรที่ช่วยชี้ถูกชี้ผิด” ถ้าไม่เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูก็ปล่อยให้ผิดไปพังไปไม่ใยดีหรือห่วงหาอาทร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่อนุญาตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหรือ หรือผู้ต้องสงสัย ที่กำลังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์ทราบของกระบวนการยุติธรรม ที่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยทันทีให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสำเร็จของการแก้ปัญหาชาติและประชาชนด้วยการยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงให้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
(นายพัสไสว แก้วน้ำ)
รักษาการณ์เลขาธิการกรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นายสมาน ศรีงาม)
ที่ปรึกษาสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
เลขาธิการทั่วไปขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
ประธานคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา
(นายปัญญา ศรีสมยา)
ประธานสภาชาวนาแห่งชาติ
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นายสมพร พวงแสง)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นางสาวพรรณี กุลชาติ)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นางไพทูล สุนทอง)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นายสุริยา สุนทอง)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นางสาวเสาวลักษณ์ กัลยา)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นายเส็ง วงศ์พรหม)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นางงามจิต จันทน้อย)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
(นางสาวพรสวรรค์ ใจสุข)
กรรมการสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ 463 ซอยสวนพลู 8 แขวงเขตสาทร กรุงเทพฯ โทร. 0898860868
สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ 463 ซอยสวนพลู 8 แขวงเขตสาทร กรุงเทพฯ โทร. 0898860868