วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 3/2557 เรื่อง ภารกิจแห่งชาติอันยิ่งใหญ่ของ คสช. และความดีของ คสช.

จดหมายเปิดผนึก
ฉบับที่ 3/2557
ถึงสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

"เรื่อง ภารกิจแห่งชาติอันยิ่งใหญ่ของ คสช. และความดีของ คสช."

เมื่อ คสช. เข้าควบคุมอำนาจอธิปไตยทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จึงเป็นองค์รัฎฐาธิปัตย์(The Sovereign)สูงสุด สามารถยุติสถานการณ์อนาธิปไตยสุดขีด(Hyper Anarchism) ที่กำลังจะพัฒนาไปสู่มิคสัญญีกลียุคและสงครามกลางเมือง(Civil War) ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติรุนแรงของคอมมิวนิสต์ในที่สุด โดยได้ทำลายสิ่งที่เป็นภัยของชาติและประชาชนดังต่อไปนี้...

1. ระบอบเผด็จการรัฐสภาทุนผูกขาดสามานย์ ดังนี้ คือ...
- ยกเลิกรัฐสภา
- ยกเลิกรัฐบาล
- ยกเลิกรัฐธรรมนูญ
- ยกเลิกพรรคการเมือง
- ยกเลิกมวลชนเผด็จการ เช่น นปช. กปปส. และการหยุดงานแบบเผด็จการของกรรมกรรัฐวิสาหกิจที่รักษาระบอบเผด็จการ ไม่ได้หยุดงานทั่วไปสร้างประชาธิปไตย

2. ทำลายการรุกรานแทรกแซงกิจกิจการภายใน(Internal Affair)ของไทยจากต่างชาติ ผ่านพรรคเผด็จการ ผ่านรัฐบาลและรัฐสภาเผด็จการ ผ่านพรรคเผด็จการ ผ่านมวลชนเผด็จการ ผ่านกฎหมายเผด็จการ ฝ่ายนโยบายเผด็จการ ผ่านวิธีคิดเผด็จการที่ถูกโค่นลงไปโดย คสช. เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2557

3. ทำลายแนวร่วม(United Front)ของคอมมิวนิสต์ได้ระดับหนึ่ง เพราะคอมมิวนิสต์ทำแนวร่วมทั้งแนวร่วมแห่งชาติกับเผด็จการรัฐสภาภายในประเทศ และทำลายแนวร่วมประชาชาติ(International United Front)กับต่างชาติภายนอกประเทศ

คสช.กระทำการดังกล่าวอย่างสันติวิธีและใช้กฎหมายดำเนินการ...จึงไม่ใช่การกระทำรุนแรงแต่อย่างใดและไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้น...คสช.จึงทำตามแนวทางสันติเช่นเดียวกับขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ และสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ อย่างเป็นไปเอง นั่นเอง ตามที่เรายืนหนังสือต่อกองทัพแห่งชาติ โดยสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อ 8-9 เดือนที่ผ่านมาก(สภาสนามหลวง) และได้ยืนไว้โดยคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพาเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็คือการปฏิบัตินโยบาย 66/23 อย่างเป็นไปเอง นั่นเอง คสช. และกองทัพแห่งชาติ คสช.จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

กองทัพแห่งชาติ ได้ก่อตั้งพรรคการเมืองตามธรรมชาติและตามกฎหมายสูงสุด(Supreme Law)คือ.."ความมั่นคงแห่งชาติเป็นกฎหมายสูงสุด" เข้ากุมรัฐเพื่อต่อสู้กับเผด็จการรัฐสภา และคอมมิวนิสต์มา 3 ครั้งแล้ว คือ...
- รสช. เมื่อปี 2534
- คมช. เมื่อปี 2549
- คสช. เมื่อปี 2557
แต่ก็ล้มเหลวมา 2 ครั้งแล้ว...แต่ครั้งที่ 3 โดย คสช.นี้ยังไม่แน่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จ...ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานการณ์ที่พัฒนาไป และความถูกต้องของ คสช.เองเป็นสำคัญ

เมื่อได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองซึ่งมีผลดังกล่าวข้างต้นนี้แล้ว...ขั้นตอนต่อไปว่าจะรักษาสถานการณ์สันติภาพไว้ได้หรือไม่หรือจะมีชัยชนะต่อเผด็จการรัฐสภา เผด็จการคอมมิวนิสต์ในรูปของแนวร่วมฯ เผด็จการต่างชาติในที่สุดหรือไม่ ???...ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขชี้ขาดดังต่อไปนี้...

1.) คสช.ยึดถือแนวทางถูก..หรือ..แนวทางผิด ระหว่างแนวทาง ร.5 - ร.7 นโยบาย 66/23 "ลัทธิประชาธิปไตย" ที่เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับทหารประชาธิปไตย...หรือ...คสช.จะยึดถือแนวทางของคณะราษฎร "ลัทธิรัฐธรรมนูญ" อันเป็นลัทธิเผด็จากการ ซึ่งเป็นแนวทางผิดที่ดำเนินมาเป็นเวลาถึง 81 ปีตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองฯ 24 มิถุนายน 2475 เช่นเดียวกับ รสช.และ คมช. และคณะรัฐประหารทุกคณะในอดีต

2.) สร้างประชาธิปไตย หรือ สร้างรัฐธรรมนูญ
- สร้างประชาธิปไตย ด้วยการตั้งการปกครองเฉพาะกาล(Provisional Government) ที่ประกอบด้วย..."สภาสร้างประชาธิปไตยที่มีผู้แทนเขตและผู้แทนอาชีพอย่างกว้างขวางที่สุด..และ..รัฐบาลเฉพาะกาลที่มีนโยบายสร้างประชาธิปไตย"
- คสช.ยกระดับเป็น.."พรรคปกครองที่เป็นพรรคของประชาชนประชาธิปไตยหรือพรรคมวลชน" โดยมีงานทางการเมืองคือ.."นโยบายสร้างประชาธิปไตย" และมีงานทางการจัดตั้งคือ "จัดตั้ง คสช.ตำบล คสช.อำเภอ คสช.จังหวัด คสช.แห่งชาติ"
- คสช.ให้ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกทั่วทั้งประเทศอย่างกว้างขวางที่สุด ยิ่งมากเท่ายิ่งดี ถ้าทั้งประเทศยิ่งดีที่สุด
- ร่างนโยบายของ คสช. อันเป็นนโยบายสร้างประชาธิปไตยก่อนสิ่งอื่นทั้งสิ้น ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวก่อนสิ่งอื่นทั้งสิ้นดังเช่น รสช. และ คมช. รัฐธรรมนูญชั่วคราว(เฉพาะกาล)หรือรัฐธรรมนูญฉบับถาวร เอาไว้ภายหลังเมื่อมีเหตุปัจจัยเงื่อนไขเหมาะสมเพียงพอ เพราะเราจะต้องสร้างประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จก่อนเป็นขั้นตอนแรกๆ แล้วจึงสร้างรัฐธรรมนูญมาสะท้อนภาพรักษาประชาธิปไตยที่สร้างเสร็จแล้วไว้ต่อไปตามกฎเกณฑ์ ตามหลักวิชาการที่ถูกต้องแล้ว...จะต้อง.."ใช้นโยบาย(Policy)สร้างประชาธิปไตยก่อน"...แล้วจึง..."ใช้รัฐธรรมนูญร่างรักษาประชาธิปไตย" ไว้ต่อไปภายหลัง นโยบายมาก่อนรัฐธรรมนูญ การเมืองมาก่อนกฎหมาย กฎหมายรับใช้การเมือง ดังคำกล่าวว่า..."Social change, Law change"...!!! (สังคมเปลี่ยนกฎหมายจึงเปลี่ยนตาม) ไม่ใช่เอากฎหมายมาเปลี่ยนสังคม หรือเอากฎหมายมาสร้างประชาธิปไตย ที่เคยผิดพลาดซ้ำรอยประวัติศาสตร์ตลอดมา แต่อย่างใดทั้งสิ้น

3. สร้างประชาธิปไตยตามนโยบายสร้างประชาธิปไตย ของ คสช. ที่กุมรัฐบาลเฉพาะกาลและกุมรัฐสภาเฉพาะกาลและกุมกองทัพให้ทำตามนโยบายสร้างประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นภารกิจในระยะเปลี่ยนผ่าน(Transition Period) ซึ่งจะใช้เวลาช้าหรือเร็วอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของภารกิจสร้างประชาธิปไตย ถ้าสำเร็จเร็วก็ใช้เวลาไม่ยาวประมาณ 5 ปี แต่ถ้าสำเร็จช้าด้วยความไม่เข้าใจหรือถูกต่อต้านก็จะใช้เวลาทอดยาวนานออกไปอีกเป็น 10 ปี หรือมากกว่านั้น ดังนั้น เวลาการดำรงอยู่ของ คสช.และรัฐบาล-รัฐสภาเฉพาะกาลขึ้นอยู่กับความสำเร็จของภารกิจเป็นสำคัญชี้ขาด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสร้างรัฐธรรมนูญหรืออะไรทั้งสิ้น การใช้เวลา 1 ปีครึ่งของ คสช.คือการสร้างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่ไม่มีการสร้างประชาธิปไตยซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม-วัฒนธรรมอย่างทั่วด้าน ซึ่งจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 5 - 20 ปีโดยประมาณหรือมากกว่านั้น ดังเช่น การสร้างประชาธิปไตย หรือการปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution)ทั่วโลก ดังนั้น จึงขาดขั้นตอนสร้างประชาธิปไตย(Missing Link) ถ้าไม่ได้ทำขั้นตอนสร้างประชาธิปไตย จะทำขั้นตอนอื่นๆมากเท่าใด ก็เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย นั่นเอง

4. สร้างรัฐธรรมนูญ ด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย...เพื่อสะท้อนภาพประชาธิปไตยที่สร้างเสร็จแล้วไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาประชาธิปไตยไว้ต่อไป "รัฐธรรมนูญคือภาพสะท้อนของระบอบ"(Reflection of Regime) จึงต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยของรัฐก่อน...แล้วจึงร่างรัฐธรรมนูญมากสะท้อนภาพรักษาประชาธิปไตยไว้ต่อไป ดังเช่นการร่างรัฐธรรมนูญของประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ดังนั้น มรรควิธีการร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกต้องคือง.."สร้างประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จ...แล้วร่างรัฐธรรมนูญมาสะท้อนภาพและรักษาประชาธิปไตยที่สร้างเสร็จแล้วดำรงอยู่จริงแล้ว(Existence)ไว้ต่อไป" ไม่ใช่ไปใช้มรรควิธีที่ผิดคือ..."ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างประชาธิปไตย" ที่ผิดพลาดมาโดยตลอด จึงทำให้สร้างประชาธิปไตยไม่สำเร็จล้มเหลวตลอดมา เป็นเหตุให้ไทยมีรัฐธรรมนูญมากมายที่สุดในโลกถึง 18 ฉบับ แต่ไม่มีประชาธิปไตยเลย และ คสช.กำลังจะสร้างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 19 และจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้าย หรือจะถูกเลิกไปอีกแล้วมีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ต่อไปไม่รู้จบ ก็ขึ้นอยู่กับว่า "คสช.ใช้มรรควิธีการร่างรัฐธรรมนูญแบบใด..???" ระหว่างสร้างประชาธิปไตยก่อนร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง หรือ สร้างประชาธิปไตยด้วยการร่างรัฐธรรมนูญที่ผิดพลาดที่เป็นอวิชชาอย่างร้ายแรง

5. เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปแบบประชาธิปไตย(Democratic General Election) ภายใต้โครงสร้างประชาธิปไตยอย่างทั่วด้านที่สร้างเสร็จแล้ว อันเป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง หรือการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ก็จะทำให้ได้ผู้แทนปวงชนชาวไทยที่แท้จริง จะมีรัฐสภาและรัฐบาลประชาธิปไตยเข้ารับหน้าที่จาก คสช.และ รัฐบาลเฉพาะกาลและรัฐสภาเฉพาะกาล ทำการบริหารราชการแผ่นดินตามครรลองประชาธิปไตย และวิถีทางกฎหมายประชาธิปไตย ต่อไป

6. เมื่อภารกิจสร้างประชาธิปไตยเสร็จสิ้นแล้ว...ก็ยุบเลิก รัฐบาลและรัฐสภาเฉพาะกาล และ คสช.ต่อไป คสช.ก็จะกลายเป็นพรรคการเมืองประชาธิปไตย เข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไปแข่งขันกับพรรคอื่นๆ เพื่อขึ้นปกครองประเทศภายใต้โครงสร้างประชาธิปไตยอย่างทั่วด้านต่อไป พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นหัวหน้าพรรคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(พรรค คสช.) ต่อไป และมีความเป็นผู้นำแห่งชาติ(National Leader) หรือเป็นรัฐบุรุษ(State man)ที่ยิ่งใหญ่แท้จริงตลอดไป

7. ถ้า คสช.ทำเช่นนี้...ก็จะมีชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยั่งยืนตลอดไป สามารถทำการปฏิวัติสันติครั้งแรกของโลก(Peaceful Revolution) และรักษาสถาการณ์สันติภาพไว้ได้ตลอดไป และจะกลายเป็นสันติภาพถาวร(Lasting Peace) ทั้งในประเทศไทยและโลก

แต่ถ้า คสช.เดินแนวท่างอื่น ก็จะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของแนวทางผิดที่ผ่านๆมาในอดีตเช่น รสช.และคมช. ก็จะล้มเหลวเช่นเดียวกันเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างน่าเสียดายยิ่ง (History repeated it-self) คสช.กำลังจะพิสูจน์สัจธรรมนี้ เพราะสัจธรรมมีหนึ่ง(Truth is one)...!!!

ขอให้ คสช.และประเทศไทยและประชาชนไทยทุกคน จงโชคดี...!!!

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
คณะวิชาการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
องค์การนำใหม่สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557
(นายสมาน ศรีงาม โทร. 0898860868)