วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 4/2557 เรื่อง คสช. อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของเผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่ง รีบสร้าง คสช. รัฐสภา รัฐบาล ประเทศใ ห้เป็นของประชาชนคนทั้งประเทศ ก่อนจะถูกทำลายให้พังไปดังเช่น รสช. และ คมช. เพื่อชัยชนะเด็ดขาดของ คสช.ตลอดไป

จดหมายเปิดผนึก
ฉบับที่ 4/2557
ถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

"เรื่อง คสช. อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของเผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่ง รีบสร้าง คสช. รัฐสภา รัฐบาล ประเทศใ ห้เป็นของประชาชนคนทั้งประเทศ ก่อนจะถูกทำลายให้พังไปดังเช่น รสช. และ คมช. เพื่อชัยชนะเด็ดขาดของ คสช.ตลอดไป"

ตามที่ข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ที่ว่า “นิพิฏฐ์” เชียร์ ประยุทธ์” นั่งนายกฯ ใช้อำนาจเด็ดขาด แก้ปัญหาประชาชน..." เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2557 นั้น (http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?newsid=9570000063854)

นี่คือธาตุแท้ของเผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่ง...ยุให้ทหารทำรัฐประหารเป็นเครื่องมือของตนเองโค่นล้มศัตรูทางการเมืองให้แก่ตัวเองตั้งแต่ รัฐประหารผิน-เผ่า ปี พ.ศ. 2490 (ที่ ปชป.ต่อสู้กันในสภาฯกับรัฐบาลเสรีไทยที่นำโดยนายกฯลิ้นทอง พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อภิปราย 7 วัน 7 คืน ลงมติรัฐบาลชนะ ปชป. แพ้...และได้ยุให้ทหารทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลเสรีไทย และก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอด เล่นงานอาจารย์ปรีดี เช่น วางแผนตะโกนในโรงหนังเฉลิมไทยว่า.."ปรีดีฆ่า่ในหลวง" และหลอกลวงประชาชนว่า..."ระบอบเผด็จการรัฐสภา..คือ..ระบอบประชาธิปไตย"..โดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2492 ว่า.."ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ" จนเกิดความเห็นผิดมิจฉาทิฎฐิครอบงำคนไทยตลอดมาว่า.."เผด็จการรัฐสภา..คือ..ประชาธิปไตย" ขัดขวางการสร้างประชาธิปไตยตลอดมา และรักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้ให้ทำลายชาติและทำร้ายประชาชนให้พินาศหายนะล่มจมและอดอยากยากจนข้นแค้นแสนสาหัส "สิ้นชาติ สิ้นคน" เช่น สถานการณ์ปัจจุบัน

นี่ก็หลอกให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คสช. ให้ใช้อำนาจเล่นงานทำลายศัตรูตัวเองให้เต็มที่...แล้วทำลายลงเสียไปพร้อมๆกัน ตามภาษิตที่ว่า.."เสร็จนาฆ่าโคทึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล"

และหนักหนาสาหัสยิ่งกว่านั้นคือ..."หลอกให้พลเอกประยุทธิ์ พังทางการเมือง...โดยไม่ยอม..สร้างอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทย...โดยการตั้งสภาประชาชนและรัฐบาลเฉพาะกาลปฏิบัตินโยบายยกเลิกเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตย...เพื่อให้ คสช.รักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้ให้เผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่งต่อไป...คสช.ก็จะพังไปเพราะใช้ระบอบเผด็จการหรือใช้อำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อยเข้าแก้ปัญหาประเทศชาติและปัญหาประชาชนที่ใหญ่หลวง...ที่จะต้องใช้อำนาจประชาชนเท่านั้นที่จะมีความเข้มแข็งพอจะแก้ปัญหาชาติและประชาชนได้...เมื่อ คสช.ใช้อำนาจคนส่วนน้อยที่ยึดมานั้นไปทำลายศัตรูทางการเมืองให้เผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่ง และไปแก้ปัญหาชาติและประชาชน...ก็จะเป็นหนังหน้าไฟและล้มเหลวพังไปในที่สุด...พลเอกประยุทธ์ คสช.ก็จะตกเป็นจำเลย หรือเป็นผู้ผิด "แพะรับบาป" หรือเป็นศัตรูกับศัตรูทางการเมืองของเผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่งแทน...พลเอกประยุทธิ์ คสช. ไม่มีประชาชนเป็นหลังพิง หรือไม่ได้เอาอำนาจไว้ในกำมือของประชาชน(สภาประชาชนและรัฐบาลเฉพาะกาล และไม่ได้ตั้ง คสช.เป็นพรรคประชาชน คือ รับสมัครประชาชนเป็นสมาชิก คสช. และจัดตั้งให้มี คสช.ตำบล คสช.อำเภอ คสช.จังหวัด คสช.แห่งชาติ) พลเอกประยุทธ์ก็โดดเดี่ยวจากประชาชน(Isolation) จะถูกเผด็จการรัฐสภาทั้ง 2 ปีก(ปีกฝ่ายรัฐบาล ปีกฝ่ายค้าน) เผด็จการคอมมิวนิสต์ และเผด็จการต่างชาติทำลายให้พังไปในที่สุด เช่น เดียวกับ รสช. และ คมช. ผิดพลาดซ้ำรอยประวัติศาสตร์ การตกเป็นเครื่องมือรักษาระบอบเผด็จการรัฐสภาไว้ ก็คือการตกเป็นแนวร่วม(United Front)ให้แก่คอมมิวนิสต์ เพราะระบอบเผด็จการรัฐสภา คือ ขบวนการแนวร่วมคอมมิวนิสต์ นั่นเอง

พลเอกประยุทธ์ จะต้องไม่ยอมตนให้เป็นตกเครืองมือของเผด็จการรัฐสภา หรือเผด็จการใดๆทั้งสิ้น...จะต้องสามารถก้าวข้ามจากการถูกใช้เป็นเครื่องมือของเผด็จการรัฐสภาอีกปีกหนึ่ง....รีบนำเอาอำนาจของคนส่วนน้อยที่ คสช.ยึดมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น...เอามามอบให้เป็นของประชาชนหรือทำให้อำนาจเป็นของประชาชน หรืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน(Sovereignty of the people) ซึ่งเป็นอำนาจที่เข้มแข็งทรงพลังสูงสุดที่สามารถนำเอาไปแกัปัญหาชาติและประชาชนได้ทั้งหมดทั้งสิ้น และเป็นอำนาจที่ต่อสู้เอาชนะการแทรกแซงรุกรานของต่างชาติได้....โดยมาตรการดังนี้คือ...

- จัดตั้ง คสช. ให้เป็นพรรคของประชาชน หรือเอาหลังพิงประชาชนทั้งประเทศ หรือให้ประชาชนเข้าร่วมกับ คสช.ในการแก้ปัญหาชาติและปัญหาประชาชน...โดย...
* รับสมัครสมาชิก คสช.จากประชาชนทั่วประเทศ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
* จัดตั้งให้ คสช.เป็นพรรคมวลชน(Mass Party) คือ...
มี คสช.ตำบล คสช.อำเภอ คสช.จังหวัด คสช.แห่งชาติ
* จัดตั้งมวลชนประชาธิปไตยที่เข้มแข็งทรงพลังที่สุดในประเทศ ส่งเสริมให้ประชาชนจัดตั้งเป็นกลุ่ม ชมรม สภา สมัชชา สหภาพ สหพันธ์ ขบวนการ ฯลฯ ทั้งกลุ่มผลประโยชน์(Interest Group) และกลุ่มผลักดัน(Pressure Group) ในรูปขององค์การมวลชน(Mass Organization) ในแนวทางประชาธิปไตยที่แท้จริง ยุติการเคลื่อนไหวของมวลชนเผด็จกา่รรัฐสภา(ม็อบ) และมวลชนคอมมิวนิสต์ ทั้งสิ้น

- จัดตั้งสภาประชาชนฯที่ทำหน้าที่รัฐสภาแห่งชาติหนึ่งเดียวที่เป็นเอกภาพ(รวมสภานิติบัญญัติและสภาปฏิรูปและสภาร่างรัฐธรรมนูญ)ที่เป็นการสร้างอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน หรือทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน หรืออำนาจประชาชน ที่ต้องมี..."ผู้แทนเขตพื้นที่ทั่วประเทศโดยใช้อำเภอเป็นเขต" และมี.."ผู้แทนอาชีพทั่วทุกอาชีพ"...อย่างกว้างขวางและทั่วถึงที่สุดประมาณ 3,000 - 5,000 คน (ผู้แทนของประชาชนที่แท้จริงและกว้างขวางทั่วถึงที่สุดคือการแสดงว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทั้งประเทศอันเป็นรูปธรรม)

- มีรัฐบาลเฉพาะกาลชนิดใหม่...ที่มีลักษณะประชาธิปไตย อันต้องประกอบด้วย..."นโยบายสร้างประชาธิปไตยที่สะท้อนผลประโยชน์ของประชาชนคนทั้งประเทศทั่วถึงยุติธรรมยั่งยืนอย่างแท้จริง".ทึ่ คสช.มอบหมายนโยบายนี้ให้รัฐบาลและสภานำไปปฏิบัติให้สำเร็จปรากฏเป็นจริง ในฐานะ คสช.กุมรัฐ ..และมี..."รัฐมนตรีประมาณ 99 คนให้เพียงพอแก่ฝ่ายต่างๆที่ก้าวหน้าปรองดองเป็นเอกภาพ"

- จัดตั้งกรรมกรแรงงานโดยเฉพาะกรรมกรรัฐวิสาหกิจที่เป็นกำลังชี้ขาด(Main Forces) ของการผลักดันการสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จ และการรักษาปกป้องภารกิจสร้างประชาธิปไตยในรูป "ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก" โดยให้กรรมกรแรงงานเป็นอิสระจาก พรบ.แรงงานรัฐวิสาหกิจปัจจุบัน(ที่กดกรรมกรรัฐวิสหกิจไว้ไม่มีอิสระภาพและแบ่งแยกออกจากกรรมกรเอกชนที่เคยใช้ พรบ.แรงงาน พ.ศ. 2518 อันเดียวกัน) กรรมกรรัฐวิสาหกิจและกรรมกรเอกชนจะช่วย คสช.ให้ต่อสู้เอาชนะนายทุนผูกขาดสามานย์และทุนข้ามชาติได้ที่รักษระบอบเผด็จกา่รรัฐสภาไว้ เพราะกรรมกรคือคู่ต่อสู้คู่ขัดแย้งที่แท้จริงของนายทุน และมีอาวุธสำคัญที่สุดที่ทำให้นายทุนผูกขาดและทุนข้ามชาติไม่อาจจะต่อสู้ได้เลยแม้แต่น้อยคือ.."การหยุดงานทั่วไป"(General Strike) อันเป็นสิทธิ์สากลรับรองโดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศ(International Labour Congress-ILO) เพราะทหารยึดได้เพียงอำนาจทางการเมือง..แต่ยึดอำนาจทางเศรษฐกิจไม่ได้...กรรมกรสามารถยึดอำนาจทางเศรษฐกิจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะกรรมกรมีอาวุธที่ทรงพลังสูงสุดคือ.."การหยุดงานทั่วไป" ดังเช่น ขบวนการกรรมกรชาร์ตีส(Chartis)อังกฤษ และขบวนการกรรมกรโซลิดาริตี้(Solidarity)โปร์แลนด์ และทั่วโลก

- ดึง ผรท.(ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย)ตามนโยบาย 66/23 เข้าร่วมสร้างประชาธิปไตย ในรูปมวลชนประชาธิปไตยที่ช่วยผลักดันให้การสร้างประชาธิปไตยสำเร็จ อันเป็นการปฏิบัตินโยบาย 66/23 ขั้นตอนที่ 2 คือ สร้างประชาธิปไตยระดับสูง นั่นเอง

เมื่อ คสช. นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการตามมาตรการสร้างประชาธิปไตยข้างต้นนี้...ก็จะมีชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสิ้นเชิงต่อเผด็จการ 3 ชนิด คือ เผด็จการรัฐสภา เผด็จการคอมมิวนิสต์ และเผด็จการต่างชาติ อย่างยั่งยืนตลอดไป ไม่มีใครจะมาทำลายโค่นล้มให้ คสช.และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เลยแม้แต่น้อย

เสนอโดย...คณะวิชาการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
องค์การนำใหม่สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ คณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาฝืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ 8 มิถุนายน 2557
โทร. 0898860868 (สมาน ศรีงาม)