วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จดหมายเปิดผนึก ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง คสช.ไม่ถูกครอบงำโดยลัทธิรัฐธรรมนูญเช่น รสช.และคมช. จึงจะไม่พัง

จดหมายเปิดผนึก
ฉบับที่ 6/2557
ถึง...คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา
"เรื่อง คสช.ไม่ถูกครอบงำโดยลัทธิรัฐธรรมนูญเช่น รสช.และคมช. จึงจะไม่พัง"

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ใช้กฎหมาย(กฎอัยการศึก-Martial Law)ซึ่งเป็นรูปหนึ่งของกฎหมายสูงสุด(Supreme Law)โดยกองทัพแห่งชาติที่เป็นการปฏิบัติหน้า(Duty)และภารกิจ(Mission)อันเป็นสถาบัน(Institution)...ดำเนินการเจรจากัน 7 ฝ่ายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ และรักษาความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชน...แต่ไม่สามารถจะบรรลุความสำเร็จได้อย่างสิ้นเชิง...จึงเข้าควบคุมอำนาจอธิปไตยอันเป็นอำนาจชนิดสูงสุดไว้ด้วยกฎหมายสูงสุด(Supreme Law)คือ.."ความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นกฎหมายสูงสุด" อันเป็นกฎหมายธรรมชาติ(Natural Law) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จึงไม่ใช่การรัฐประหาร(Coup d' etat)ที่รุนแรง(Violence)และผิดกฎหมาย(Illigal)แต่อย่างใดทั้งส้ิน

ดังนั้น การกระทำของ คสช.จึงเป็นการกระทำตามลัทธิประชาธิปไตย(Democracy) เพราะกระทำยกเลิกรัฐบาล รัฐสภา(วุฒิสภา) รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง ของระบอบเผด็จการรัฐสภาอย่างสันติและกระทำโดยกฎหมาย โดยถือเอาผลประโยชน์ของชาติความผาสุกของปวงชนชาวไทยเป็นที่ตั้งสูงสุด จึงบังเกิดอำนาจอธิปไตยของปวงชนหรือระบอบประชาธิปไตยโดยกฎเกณฑ์ธรรมชาติอย่างเป็นไปเอง คณะ คสช.จึงมีลักษณ์เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยโดยอัตตโนมัติ

ในช่วงระยะต้นของการปกครองทางผู้แทน(Representative Government)โดย คสช.เป็นผู้แทนของประชาชนคนทั้งประเทศอย่างเป็นไปเองตามกฎเกณฑ์ของวิชารัฐศาสตร์ อันเป็นระยะเวลาสร้างความปรองดองแห่งชาติ(Reconciliation) เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงทำให้ช่วงการสร้างความปรองดองแห่งชาติเป็นไปตามลัทธิประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างจากคณะรัฐประหารทั้งสิ้นที่มีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย คสช.จึงมีอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ที่เหมาะสมที่จะใช้ทำการยกเลิกการปกครองแบบเผด็จการรัฐสภา สร้างการปกครองแบบประชาธิปไตยตามแนวทางประชาธิปไตยของ ร.5 ร.6 ร.7 และนโยบาย 66/23 ...โดยทำการประยุกต์ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทยมาถึง ณ ปัจจุบัน

จึงเกิดเป็น..."ระบอบ คสช."โดย คสช.ถืออำนาจอธิปไตยรัฐสูงสุด(รัฎฐาธิปัตย์สูงสุด-Supreme Sovereignty)แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งในชั่วสามเดือนนี้(ช่วงสร้างความปรองดอง)...ยังไม่ถูกครอบงำโดย.."ลัทธิรัฐธรรมนูญ"(ลัทธฺิเผด็จการ)คือไม่มีการดำเนินการตามลัทธิรัฐธรรมนูญ เช่น ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว(เฉพาะกาล) ตั้งสภานิติบัญญัติ(สนช.)แก้กฎหมาย ตั้งสภาปฏิรูป(ร่างรัฐธรรมนูญ) เหมือนกับ คณะรัฐประหารทุกคณะที่ผ่านมาแล้ว ดังเช่น...

- รสช. ยึดอำนาจได้ร่างรัฐธรรมนูญเฉพากาลทันที ตั้งรัฐบาล มีรัฐสภา และสภาร่างรัฐธรรมนูญทันที และให้คนอื่นเป็นายกรัฐมนตรี (นายอานันท์ ปัญญารชุน) ไม่มีช่วงเวลาของลัทธิประชาธิปไตยเลย...จึงพังไปในที่สุด เพราะไม่มีการสร้างประชาธิปไตยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ระบอบเผด็จการจึงทำลาย รสช.ให้พังไปดังกล่าว

- คมช. ยึดอำนาจได้ร่างรัฐธรรมนูญเฉพาะกาลทันที ตั้งรัฐบาล มีรัฐสภา มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ...ไม่มีช่วงเวลาสร้างประชาธิปไตย หรือช่วงว่างจากลัทธิรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่น้อย คือไม่มีช่วงลัทธิรัฐธรรมนูญเลย จึงพังไปในที่สุด เพราะไม่มีการสร้างประชาธิปไตยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ระบอบเผด็จการจึงทำลาย คมช.ให้พังไปดังกล่าว

ดังนั้น...จะต้องผลักดันให้ คสช.ให้ขยายช่วงเวลาที่อิสระจากการครอบงำของลัทธิรัฐธรรมนูญ...ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ฟรี เป็นอิสระ เป็นประชาธิปไตย อันเป็นช่วงเวลาแห่งลัทธิประชาธิปไตย นั่นเอง...นั่นคือ..."สร้างประชาธิปไตยเพื่อให้เกิดความปรองดองแห่งชาติ" และขยายเวลาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จ...และประยุกต์ปรับเปลี่ยนช่วงที่ 2 "ปฏิรูปแบบปฏิกิริยาเพื่อรักษาระบอบเผด็จการรัฐสภา" และช่วงที่ 3 "การเลือกตั้งทั่วไปแบบเผด็จการ" ให้เปลี่ยนจากลัทธิรัฐธรรมนูญ(ลัทธิเผด็จการ)มาเป็นลัทธิประชาธิปไตย..นั่นคือ..ไปสู่ขั้นตอนที่ 2 ปฏิรูปประชาธิปไตย(Democratic Reform) และขั้นตอนที่ 3 ปฏิวัติประชาธิปไตย(Democratic Revolution) และทำการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยต่อไป

หมายเหตุ...สิ่งที่ไม่เหมือนกันระหว่าง รสช.และคมช. กับ คสช. และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ดีกว่า รสช.และคมช. คือ...

- รสช.และคมช. ยึดอำนาจแล้วนำเอาลัทธิรัฐธรรมนูญมาครอบงำทันที เช่น มีรัฐธรรมนูญชั่วคราวโดยทันที มีนายกฯโดยทันที มีรัฐบาลโดยทันที มีสภานิติบัญญัติโดยทันที(สนช.) มีสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยทันที จึงทำให้ รสช.และคมช.ไม่มีอำนาจอธิปไตยสูงสุด ทำอะไรไม่ได้ ถูกลัทธิลัทธิธรรมนูญครอบงำให้ต้องทำตาม และพังไปในที่สุด

- คสช. ยึดอำนาจแล้วไม่นำเอาลัทธิรัฐธรรมนูญมาครอบงำทัน แต่มีช่วงระยะเวลาที่ฟรี อิสระ ตามลัทธิประชาธิปไตย นั่นคือ..."ระยะที่ 1...สร้างความปรองดอง 3 เดือน"
ไม่มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่มีนายกฯ ไม่มีรัฐบาล ไม่รัฐสภาใดๆทั้งสิ้น ทำให้ คสช.ทำการยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐสภา สร้างระบอบประชาธิปไตยได้เลยทันทีตามลัทธิประชาธิปไตย ไม่มีลัทธิรัฐธรรมนูญ(ลัทธิเผด็จการ)มาขัดขวางการสร้างประชาธิปไตย จึงเป็นเงื่อนไขให้ คสช.ไม่พัง ถ้า คสช.รีบสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จ ไม่ยอมให้นักวิชาการลัทธิรัฐธรรมนูญ เช่น นายวิษณุ เครืองาม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายสมคิด เลิศไพทูรย์ นำเอาลัทธิรัฐธรรมนูญมาครอบงำ คสช. ให้ถูกยึดอำนาจอธิปไตยสูงสุด(Sovereign Power)ไปจาก คสช. โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเป็นเครื่องมือ ดังเช่น ที่ทำกับ รสช. และคมช.มาแล้วในอดีต

ดังนั้น จึงขอเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)...โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา...ได้โปรดขยายเวลาของลัทธิประชาธิปไตยออกไปครบถ้วนตามแผนการทั้งสิ้นของ คสช. และยกเลิกเวลาและแผนการทั้งสิ้นที่ถูกครอบงำโดยลัทธิรัฐธรรมนูญอันเป็นลัทธิเผด็จการ เพื่อความสำเร็จของการปฏิบัติหน้าที่และภารกิจอันศักดิ์และยิ่งใหญ่ของ คสช. และเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติและแก้ปัญหาของประชาชนคนไทยทุกคนให้สำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์บริบูรณ์ ตามเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์และดียิ่งของ คสช.ต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดกรุณาพิจารณาดำเนินการโดยเร็วที่สุด จะเป็นคุณูปการต่อชาติและประชาชนอย่างยิ่ง

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

คณะวิชาการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
องค์การนำใหม่สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
โทร. 0898860868 (นายสมาน ศรีงาม)
วันที่ 15 มิถุนายน 2557